
"แม่ค้า (พ่อค้า) ก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตก 2 ถ้วยเน้อ.....ส่วนของน้องขอเป็นน้ำใสเส้นหมี่เน้อเจ๊า...." "เจ๊า (ครับ ) รอกำนะเจ๊า......ได้แล้วเจ๊า......บ่ฮู้จะเอาหยังเพิ่มก่อครับ......"
เสียงสั่งซื้อและภาพพ่อค้าแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ริมถนน ห้างสรรพสินค้าหรือที่ไหนๆ ก็ตาม คงจะเป็นภาพที่ทุกท่านคุ้นตากันเป็นอย่างดี อาชีพนี้เป็นอาชีพที่สุจริต และสร้างรายได้ที่ดีพอสมควร แต่ก็ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและแรงกายกว่าจะได้เงินมาในแต่ละวัน ภาพคุ้นๆ ตาแบบนี้มีอยู่แทบทุกที่ ทุกแห่ง ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน เนื่องจากอาจจะถือได้ว่าเป็นอาหารที่ทานง่ายๆ สบายๆ และอิ่มอร่อยคุ้มค่ากับราคาที่ไม่แพง บางคนทาน 2-3 ถ้วยในแต่ละครั้งก็มี ลูกค้าเพลิดเพลินอิ่มอร่อยไปกับสิ่งของที่อยู่ในถ้วย ส่วนพ่อค้าแม่ค้านั่นเล่า หน้าตาก็เบิกบานยิ้มแย้มไปกับการเรียกใช้บริการของลูกค้าที่แทบทุกคนมีเจ้าประจำเป็นของตัวเอง เรียกได้ว่าทานกันไป ทำกันไปจนเสบียงกรังที่เตรียมมาหมดไม่รู้ตัวในแต่ละวันหรือแต่ละคืน
ลูกค้าเมื่อสั่งและทานเสร็จและจ่ายสตางค์แล้วต่างคนต่างก็พากันแยกย้ายไป คงเหลือถ้วย ช้อน แก้วน้ำไว้ให้เจ้าของร้านหรือลูกจ้างทำหน้าที่เก็บ กวาดล้าง เช็ดถู เพื่อบริการลูกค้ารายอื่นต่อไป จวบจนกระทั่งขายหมดก็เก็บรวบรวมไว้ที่บ้านเพื่อนำมาขายในวันรุ่งขึ้นต่อไป ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่เห็นจนชินตาและเป็นส่วนประกอบหนึ่งของสังคมจนมองเป็นเรื่องปกติธรรมดา
แต่จากเรื่องที่มองเห็นจนชินตาและเป็นเรื่องปกติธรรมดานั้น หากท่านเดินทางไปแถวๆ ตลาดเทศบาลตำบลเมืองพาน และมีโอกาสแวะทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นโกเด้งข้างทางฝั่งทิศตะวันตกใกล้สถานีตำรวจภูธรอำเภอพานประมาณ 150 เมตรท่านคงจะรู้สึกแปลกตาไม่น้อยเมื่อเจ้าของ (หรือที่หลายๆ คนตั้งฉายาให้เองว่า "ลูกมือ") ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาที่มีอาชีพค้าขายโดยตรง แต่กลับกลายเป็นเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่เวลาปกติก็ต้องทำหน้าที่อันทรงเกียรตินี้ด้วยการ

"พื้นเพดั้งเดิมของผมเป็นคนบ้านสันต้นผึ้ง หมู่ที่ 8 ตำบลแม่ปืม อำเภอพะเยา จังหวัดเชียงราย ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นอำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เกิดเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2500 อายุถึงตอนนี้ก็ 50 ปีแล้ว" ด.ต.พิทักษ์ฯ เล่าให้บรรณาธิการฟัง "เมื่อวัยเด็กผมมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นตำรวจ เพราะนอกจากเป็นอาชีพที่มีเกียรติแล้ว ยังสามารถให้บริการพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี โดยเมื่อผมเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนพินิตประสาธน์ อำเภอเมืองพะเยาแล้วก็สอบเข้าเป็นนักเรียนพลตำรวจที่โรงเรียนตำรวจภูธร 5 ได้สมใจ เมื่อเรียนจบแล้วได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นลูกแถวประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอพานในปี พ.ศ.2523 งานครั้งแรกที่ทำก็คืองานสืบสวน ทำได้ประมาณ 7-8 เดือนก็ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติหน้าที่จราจรเมื่อประมาณต้นปี 2524 แล้วก็อยู่ในหน้าที่นี้ตลอดเรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้ เป็นเวลาถึง 26 ปีเศษแล้วครับ"
"งานในหน้าที่ของผมเหรอครับ" ด.ต.พิทักษ์ฯเล่าต่อ "ก็จะหนักไปในด้านการให้บริการพี่น้องประชาชน , อบรมให้ความรู้ความเข้าใจ

"งานในหน้าที่จราจรของผมเริ่มตั้งแต่เช้าของทุกวันทำการ คือผมจะตื่นนอนประมาณตีสี่ ทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว ตีห้าก็จะมาเข้าจุดตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการไว้ เช่น บางวันอาจจะเป็นการให้บริการแถวๆ หน้าตลาดเมืองพาน , ตลาดหกแยก , จุดที่มีปริมาณการจราจรพลุกพล่าน รวมไปถึงหน้าโรงเรียนต่างๆ ด้วย ส่วนบางวันก็อาจจะต้องมาเข้าเวรประจำศูนย์จราจร เพื่อทำหน้าที่คล้ายๆ กับพนักงานวิทยุสื่อสาร รับแจ้งเหตุ รับรายงานเหตุต่างๆ ที่เกี่ยวกับการจราจรบ้าง งานในช่วงเช้าจะเสร็จสิ้นไปเมื่อเวลาประมาณ 08.30-09.00 น. เสร็จแล้วก็พักสักครู่ ที่นี้วันไหนที่ผู้บังคับบัญชากำหนดให้มีการตั้งจุดตรวจราจรก็จะต้องทำหน้าที่นี้ การตั้งจุดตรวจแทบทุกครั้งส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเวลาระหว่าง 09.00-12.00 น. แต่บางวันอาจจะเป็นเวลาอื่น ส่วนช่วงบ่ายก็ออกให้บริการการจราจรตามจุดต่างๆ คล้ายๆ กับในช่วงเช้า จนงานเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 17.30 น.ของแต่ละวัน ซึ่งผมและพี่น้องตำรวจจราจรทำหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจและภูมิใจครับ"
"ผมภูมิใจในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างมาก" ด.ต.พิทักษ์ฯ พูดให้ฟังต่อด้วยรอยยิ้ม "หลักการทำงานของผมก็คือ มีหน้าที่ที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายอย่างไร ให้ทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งผมภูมิใจมากที่การปฏิบัติหน้าที่ของผมได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาในการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษหรือที่หลายๆ คนเรียกกันติดปากว่า 2 ขั้นหลายครั้งด้วยกัน โดยในปีนี้ (2550) ช่วงครึ่งปีแรก (เมษายน 2550...ผู้เขียน) ผมเป็นหนึ่งในจำนวนข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 19 คนที่ได้รับการเลื่อนเงินเดือน 1 ขั้นจากเจ้าหน้าที่ระดับเดียวกันประมาณ 150 คน นั่นคือกำลังใจอันวิเศษสุดสำหรับผมและครอบครัว ซึ่งก็ต้องขอขอบพระคุณท่านผู้บังคับบัญชาทุกท่านที่กรุณาผม"

"ผมมาอยู่เมืองพานได้สักพักหนึ่งก็แต่งงานมีครอบครัว โดยภรรยาของผมชื่อนางอำไพ ทิพย์ศรี เป็นคนอำเภอพานนี่เองครับ ผมกับภรรยาอยู่กินกันมาได้ประมาณ 25 ปีเศษแล้ว ปัจจุบันมีลูกด้วยกัน 2 คน คือนายพินิจพงษ์ ทิพย์ศรี อายุ 23 ปี เรียนอยู่มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา วิทยาเขตเชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลทรายขาว อำเภอพานนี่เองครับ ในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าชั้นปีที่ 2 อีกคนหนึ่งชื่อนางสาวพัทธมน ทิพย์ศรี อายุ 20 ปี เรียนอยู่ที่เดียวกัน สาขาการจัดการ ชั้นปีที่ 1 ทีนี้ลูกผมทั้งสองคนก็เติบโตและอยู่ในระหว่างการศึกษาที่จะต้องพึ่งพาพ่อแม่เป็นหลัก ในส่วนของผมก็รับเงินเดือนเดือนละ 16,650 บาท บวกเงินค่าตอบแทนอีก 3,000 เดือนหนึ่งก็ตกอยู่แค่ประมาณ 20,000 บาทเท่านั้น ส่วนภรรยาก็มีอาชีพรับจ้างทั่วไป เช่น การเย็บปักถักร้อย ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะมีงานเข้ามาไหม ถ้ามีก็ถือว่าโชคดีที่มีรายได้เพิ่มจากส่วนที่ผมมีอยู่ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดคำนวณรายได้ของผมและภรรยาที่ได้รับมาแล้วคงจะไม่พอในการส่งเสียลูกเรียนหนังสือรวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ อีกจิปาถะ ก็เลยปรึกษากัน ซึ่งก็ถือว่าพอจะเป็นโชคดีของผมที่ภรรยามีฝีมือในด้านการทำอาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งก๋วยเตี๋ยวที่ผมคิดว่าเป็นอาหารประจำที่ถูกปากคนไทยและหาลูกค้าได้ง่ายๆ ก็เลยคิดจะทำอาชีพนี้เป็นอาชีพเสริมกันดู ประจวบเหมาะ


"ถามว่าเหนื่อยไหม ก็ขอบอกว่าพอจะเหนื่อยบ้างครับ แต่มันเป็นหน้าที่และความต้องการที่จะทำ เสร็จงานแล้วหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ยิ่งเวลานับเงินหลังช่วยแฟนขายก๋วยเตี๋ยวเสร็จแล้ว ความเหนื่อยมันหายไปหมดเลยครับ ถึงแม้ว่ากำไรที่ได้จะไม่ใช่มากมายอะไรก็ตาม แต่ก็ถือว่ามากพอสมควรสำหรับตำรวจชั้นผู้น้อยอย่างผม จะใดเหียก็บ่ดีลืมมาอุ๊ดหนุนผมกั๊บแฟนพ่องเน้อ ร้านผมอยู่ใกล้โฮงพักเมืองพาน เปิดทุกวัน ราคาก็แค่ซาวถึงซาวห้า (20-25) บาทต่อถ้วยเต้าอั๊นครับ" ด.ต.พิทักษ์ฯ กล่าวกับบรรณาธิการเป็นภาษากำเมือง
เราได้พูดคุยกับ ด.ต.พิทักษ์ฯ ถึงเรื่องราวต่างๆ ไปแล้ว ต่อไปจะฟังความคิดเห็นของผู้ร่วมงานของตำรวจผู้นี้ซึ่งมีทั้งผู้บังคับบัญชาและเพื่อนๆ บ้างว่าเขาเหล่านั้นมีความคิดต่อตำรวจผู้นี้อย่างไร
คนแรกบรรณาธิการได้สัมภาษณ์ผู้บังคับบัญชาซึ่งก็คือ ร.ต.อ.วิสุทธิ์ ภิมาลย์ รอง สวป.ปฏิบัติหน้าที่นายตำรวจผู้ควบคุมงานจราจร

"ในส่วนตัวของผมนะครับ ด.ต.พิทักษ์ฯ เป็นคนที่มีความขยัน ตั้งใจ ในการทำงาน ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นที่รักของผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน และปฏิบัติตัวเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัด แม้ผมจะเพิ่งย้ายเข้ามารับราชการที่ สภ.พานใหม่ๆ (1 สิงหาคม 2550 : บรรณาธิการ) แต่เท่าที่เห็นการปฏิบัติหน้าที่ของเขาถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีได้ทีเดียวครับ รวมไปถึงในส่วนของการครองตน ครองคน ครองงานด้วย" หมวดหนุ่มรูปหล่อให้สัมภาษณ์บรรณาธิการ "สำหรับที่ ด.ต.พิทักษ์ฯ เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวและช่วยภรรยาพร้อมกับลูกๆ นี้ถือเป็นภาพที่ดีและน่ายกย่องชมเชย ทั้งกับเพื่อนๆ ตำรวจ ผู้บังคับบัญชาและพี่น้องประชาชน ผมเคยได้ฟังพี่น้องประชาชนคนเมืองพานหลายคนพูดชมเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นภาพที่น่าชื่นชม ยิ่งเห็นวันบางที่เขาแต่งเครื่องแบบครึ่งท่อนหลังเลิกงานแล้วมาบริการแขกด้วยตนเองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสแล้ว บอกได้เลยว่าน่าชื่นใจ ผมในฐานะผู้บังคับบัญชาชั้นต้นก็ขอยกย่องชมเชยผ่านบรรณาธิการมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ"

"ในความเห็นส่วนของผมที่สัมผัสและทำงานร่วมกับอ้าย(พี่)พิทักษ์มานาน" จ.ส.ต.บัณฑิต ดำคำ เจ้าหน้าที่จราจรหนุ่มรูปหล่อให้สัมภาษณ์กับบรรณาธิการ "อ้ายเขาเป็นคนอัธยาศัยไมตรีดี ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย มีภาวะผู้นำสูง มีปัญหาสามารถให้คำปรึกษากับผมและเพื่อนๆ ที่ร่วมงานได้ดี จนสามารถแก้ไขเหล่านั้นได้ในที่สุด ในเรื่องของการครองตน ครองคน ครองงาน อ้ายพิทักษ์สามารถเป็นแบบอย่างได้ ทั้งเรื่องการงาน ส่วนตัวและส่วนรวม เท่าที่ผมสังเกตก็เห็นว่าอ้ายพิทักษ์ใช้ชีวิตโดยน้อมนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทางจนทำให้ครอบครัวนี้มีความสุข ไม่เคยพบว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเลย นอกจากนี้อ้ายเขายังเป็นคนร่าเริงแต่ก็แฝงไว้ด้วยความจริงจังและจริงใจต่องานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ผมคิดว่าสามารถเป็นแบบอย่างให้กับตำรวจทั่วไปได้เป็นอย่างดีครับ"
นี่แหละครับตำรวจดีๆ ที่กองบรรณาธิการขอยกย่องให้เป็น "ตำรวจดีศรีเมืองพาน" ประจำฉบับนี้ ขอให้เจริญรุ่งเรืองทั้งในหน้าที่การงาน ครอบครัว และส่วนตัวตลอดไป ด.ต.พิทักษ์ ทิพย์ศรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น